การอัปเดตในวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงระบบอันดับที่แทนที่การแยก Core / Support โดยระบบ MMR จะไม่แยกกันอีกต่อไป เราสามารถค้นหาแบบเลือกตำแหน่ง Role กับ Classic ได้เหมือนเดิม โดยการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะช่วยให้การจับคู่ได้ดีขึ้น นอกจากนี้แล้ว การเลือกการค้นหาไม่ว่าจะเป็น Dota 2 Ranked Roles หรือ Classic MMR ก็จะส่งผลกับคะแนน MMR Dota2 Ranking เท่ากัน (เมื่อก่อนเลือก Classic จะ +30, Ranked Roles จะ +25)
Dota 2 Ranked Roles คืออะไร?
Dota 2 Ranked Roles คือโหมดการเล่นจัดอันดับใน Dota 2 ที่ผู้เล่นจะต้องเลือกบทบาทที่ต้องการเล่นก่อนเริ่มการแข่งขัน โดยบทบาทใน Dota 2 มีทั้งหมด 5 บทบาท ได้แก่
ตัวเซฟเลน (Carry)
ตำแหน่ง Carry คือตำแหน่งที่มีหน้าที่ทำดาเมจหลักให้กับทีม โดยผู้เล่นตำแหน่งนี้จะได้รับทรัพยากรมากที่สุดในทีม ทั้งเงินและเลเวล ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Carry จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการฟาร์ม และสามารถเล่นฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงท้ายเกม
หน้าที่หลักของตำแหน่ง Carry ประกอบด้วย
- ฟาร์มไอเท็ม: ผู้เล่นตำแหน่ง Carry ต้องฟาร์มไอเท็มให้เร็วที่สุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำดาเมจให้กับทีม
- มีส่วนร่วมในการต่อสู้: เมื่อผู้เล่นตำแหน่ง Carry มีไอเท็มเพียงพอแล้ว จะต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือทีม
- ทำลายป้อม: ผู้เล่นตำแหน่ง Carry มีหน้าที่ทำลายป้อมฝ่ายตรงข้าม เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ
ฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Carry โดยทั่วไป มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ทำดาเมจได้สูงในช่วงท้ายเกม: ฮีโร่ตำแหน่ง Carry จะต้องสามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงท้ายเกม เพื่อเป็นตัวทำดาเมจหลักให้กับทีม
- เก่งในการฟาร์ม: ฮีโร่ตำแหน่ง Carry จะต้องเก่งในการฟาร์ม เพื่อให้สามารถซื้อไอเท็มได้อย่างรวดเร็ว
- มีความยืดหยุ่น: ฮีโร่ตำแหน่ง Carry จะต้องมีความยืดหยุ่นในการเล่น เพื่อสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้
ตัวอย่างฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Carry ได้แก่
- Anti-Mage: ฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงท้ายเกม และเก่งในการฟาร์ม
- Juggernaut: ฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงท้ายเกม และมีความยืดหยุ่นในการเล่น
- Phantom Assassin: ฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงท้ายเกม และเก่งในการฆ่าฮีโร่ฝ่ายตรงข้าม
ผู้เล่นตำแหน่ง Carry จำเป็นต้องมีทักษะและความสามารถดังต่อไปนี้
- ทักษะการฟาร์ม: ผู้เล่นตำแหน่ง Carry จำเป็นต้องมีทักษะการฟาร์มที่ดี เพื่อสามารถซื้อไอเท็มได้อย่างรวดเร็ว
- ทักษะการต่อสู้: ผู้เล่นตำแหน่ง Carry จำเป็นต้องมีทักษะการต่อสู้ที่ดี เพื่อสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้และช่วยเหลือทีม
- ทักษะการอ่านเกม: ผู้เล่นตำแหน่ง Carry จำเป็นต้องมีทักษะการอ่านเกมที่ดี เพื่อสามารถตัดสินใจและวางแผนในการเล่นได้อย่างเหมาะสม
ตำแหน่ง Carry เป็นตำแหน่งที่สำคัญในทีม เนื่องจากมีหน้าที่ทำดาเมจหลักให้กับทีม ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Carry จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการฟาร์ม และสามารถเล่นฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงท้ายเกม
ตัวมิดเลน (Mid)
ตำแหน่ง Mid คือตำแหน่งที่มีหน้าที่ทำดาเมจให้กับทีม และควบคุมพื้นที่กลางแผนที่ โดยผู้เล่นตำแหน่งนี้จะได้รับทรัพยากรรองในทีม ทั้งเงินและเลเวล ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Mid จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการฟาร์ม และสามารถเล่นฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม
หน้าที่หลักของตำแหน่ง Mid ประกอบด้วย
- ฟาร์มไอเท็ม: ผู้เล่นตำแหน่ง Mid ต้องฟาร์มไอเท็มให้เร็วที่สุด เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำดาเมจให้กับทีม
- ควบคุมพื้นที่กลางแผนที่: ผู้เล่นตำแหน่ง Mid ต้องควบคุมพื้นที่กลางแผนที่ เพื่อไม่ให้ฝั่งตรงข้ามสามารถเดินเกมได้ง่าย
- มีส่วนร่วมในการต่อสู้: เมื่อผู้เล่นตำแหน่ง Mid มีไอเท็มเพียงพอแล้ว จะต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือทีม
ฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Mid โดยทั่วไป มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- ทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม: ฮีโร่ตำแหน่ง Mid จะต้องสามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม เพื่อเป็นตัวทำดาเมจหลักให้กับทีม
- เก่งในการฟาร์ม: ฮีโร่ตำแหน่ง Mid จะต้องเก่งในการฟาร์ม เพื่อให้สามารถซื้อไอเท็มได้อย่างรวดเร็ว
- มีความยืดหยุ่น: ฮีโร่ตำแหน่ง Mid จะต้องมีความยืดหยุ่นในการเล่น เพื่อสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้
ตัวอย่างฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Mid ได้แก่
- Storm Spirit: ฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม และเก่งในการฟาร์ม
- Invoker: ฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม และมีความยืดหยุ่นในการเล่น
- Puck: ฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม และเก่งในการเคลื่อนที่
ผู้เล่นตำแหน่ง Mid จำเป็นต้องมีทักษะและความสามารถดังต่อไปนี้
- ทักษะการฟาร์ม: ผู้เล่นตำแหน่ง Mid จำเป็นต้องมีทักษะการฟาร์มที่ดี เพื่อสามารถซื้อไอเท็มได้อย่างรวดเร็ว
- ทักษะการต่อสู้: ผู้เล่นตำแหน่ง Mid จำเป็นต้องมีทักษะการต่อสู้ที่ดี เพื่อสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้และช่วยเหลือทีม
- ทักษะการอ่านเกม: ผู้เล่นตำแหน่ง Mid จำเป็นต้องมีทักษะการอ่านเกมที่ดี เพื่อสามารถตัดสินใจและวางแผนในการเล่นได้อย่างเหมาะสม
Dota 2 Ranked Roles ตำแหน่ง Mid เป็นตำแหน่งที่สำคัญในทีม เนื่องจากมีหน้าที่ทำดาเมจให้กับทีม และควบคุมพื้นที่กลางแผนที่ ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Mid จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการฟาร์ม และสามารถเล่นฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม นอกจากนี้ ผู้เล่นตำแหน่ง Mid ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือ Carry ให้สามารถฟาร์มได้อย่างรวดเร็ว โดยผู้เล่นตำแหน่ง Mid สามารถใช้ทักษะและความสามารถของตนในการกดดันฝั่งตรงข้าม และสร้างโอกาสให้ Carry สามารถฆ่าฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามได้
ตัวออฟเลน (Offlane)
Dota 2 Ranked Roles ตำแหน่ง Offlane คือตำแหน่งที่มีหน้าที่ควบคุมพื้นที่เลนบน โดยผู้เล่นตำแหน่งนี้จะได้รับทรัพยากรรองในทีม ทั้งเงินและเลเวล ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการเอาตัวรอด และสามารถเล่นฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม
หน้าที่หลักของตำแหน่ง Offlane ประกอบด้วย
- ควบคุมพื้นที่เลนบน: ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane ต้องควบคุมพื้นที่เลนบน เพื่อไม่ให้ฝั่งตรงข้ามสามารถฟาร์มได้อย่างสะดวกสบาย
- มีส่วนร่วมในการต่อสู้: เมื่อผู้เล่นตำแหน่ง Offlane มีไอเท็มเพียงพอแล้ว จะต้องมีส่วนร่วมในการต่อสู้เพื่อช่วยเหลือทีม
- ทำลายป้อม: ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane มีหน้าที่ทำลายป้อมฝ่ายตรงข้าม เพื่อนำไปสู่ชัยชนะ
ฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Offlane โดยทั่วไป มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- เก่งในการเอาตัวรอด: ฮีโร่ตำแหน่ง Offlane จะต้องเก่งในการเอาตัวรอด เพื่อไม่ให้ฝั่งตรงข้ามสามารถฆ่าได้ง่าย
- สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม: ฮีโร่ตำแหน่ง Offlane จะต้องสามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม เพื่อเป็นตัวทำดาเมจหลักให้กับทีม
- มีความยืดหยุ่น: ฮีโร่ตำแหน่ง Offlane จะต้องมีความยืดหยุ่นในการเล่น เพื่อสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้
ตัวอย่างฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Offlane ได้แก่
- Axe: ฮีโร่ที่เก่งในการเอาตัวรอด และสามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม
- Tidehunter: ฮีโร่ที่เก่งในการเอาตัวรอด และสามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม
- Underlord: ฮีโร่ที่เก่งในการเอาตัวรอด และสามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม
ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane จำเป็นต้องมีทักษะและความสามารถดังต่อไปนี้
- ทักษะการเอาตัวรอด: ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane จำเป็นต้องมีทักษะการเอาตัวรอดที่ดี เพื่อไม่ให้ฝั่งตรงข้ามสามารถฆ่าได้ง่าย
- ทักษะการต่อสู้: ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane จำเป็นต้องมีทักษะการต่อสู้ที่ดี เพื่อสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้และช่วยเหลือทีม
- ทักษะการอ่านเกม: ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane จำเป็นต้องมีทักษะการอ่านเกมที่ดี เพื่อสามารถตัดสินใจและวางแผนในการเล่นได้อย่างเหมาะสม
ตำแหน่ง Offlane เป็นตำแหน่งที่สำคัญในทีม เนื่องจากมีหน้าที่ควบคุมพื้นที่เลนบน ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการเอาตัวรอด และสามารถเล่นฮีโร่ที่สามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม นอกจากนี้ ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือทีมในการต่อสู้ โดยผู้เล่นตำแหน่ง Offlane สามารถใช้ทักษะและความสามารถของตนในการเปิดจังหวะการต่อสู้ และสร้างโอกาสให้ทีมสามารถฆ่าฮีโร่ฝ่ายตรงข้ามได้ ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane ที่ดี จึงต้องมีทักษะและความสามารถที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะการเอาตัวรอด ทักษะการต่อสู้ และทักษะการอ่านเกม เพื่อสามารถเล่นตำแหน่ง Offlane ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านบทความ : แนะนำวิธีการเล่น Pudge ในตำแหน่ง Offlane
ในอดีต ตำแหน่ง Offlane มักจะเป็นตำแหน่งที่เน้นการเอาตัวรอด และกดดันฝั่งตรงข้าม โดยผู้เล่นตำแหน่ง Offlane มักจะเลือกเล่นฮีโร่ที่มีความสามารถในการเอาตัวรอดสูง และสามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม เช่น Axe, Tidehunter, และ Underlord อย่างไรก็ตาม ในเมต้าปัจจุบัน ตำแหน่ง Offlane มักจะเป็นตำแหน่งที่เน้นการมีส่วนร่วมในการต่อสู้มากขึ้น โดยผู้เล่นตำแหน่ง Offlane มักจะเลือกเล่นฮีโร่ที่มีความสามารถในการต่อสู้สูง และสามารถทำดาเมจได้สูงในช่วงกลางเกม เช่น Axe, Bristleback, และ Centaur Warrunner ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Offlane จึงจำเป็นต้องมีทักษะการต่อสู้ที่ดี เพื่อสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้และช่วยเหลือทีม
ตัวซัพพอร์ตรอง (Soft Support)
ตำแหน่ง Soft Support คือตำแหน่งที่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีม โดยผู้เล่นตำแหน่งนี้จะได้รับทรัพยากรมากกว่าตำแหน่ง Hard Support แต่น้อยกว่าตำแหน่งอื่นในทีม ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Soft Support จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการช่วยเหลือ และสามารถเล่นฮีโร่ที่มีประโยชน์ต่อทีม
หน้าที่หลักของตำแหน่ง Soft Support ประกอบด้วย
- ช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่น: ผู้เล่นตำแหน่ง Soft Support ต้องช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีม ไม่ว่าจะเป็นการยืนเลนกับ Carry, การช่วยเหลือ Mid ในการกดดันฝั่งตรงข้าม, การช่วยเหลือ Offlane ในการเอาตัวรอด, หรือการสนับสนุนทีมในการต่อสู้
- สร้าง Vision: ผู้เล่นตำแหน่ง Soft Support ต้องสร้าง Vision ให้กับทีม เพื่อไม่ให้ทีมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
- ซื้อไอเท็มช่วยเหลือ: ผู้เล่นตำแหน่ง Soft Support ต้องซื้อไอเท็มช่วยเหลือให้กับทีม เช่น Ward, Dust, และ Smoke
ฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Soft Support โดยทั่วไป มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- มีประโยชน์ต่อทีม: ฮีโร่ตำแหน่ง Soft Support จะต้องมีประโยชน์ต่อทีม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือ, การยืนเลน, หรือการสร้าง Vision
- เก่งในการช่วยเหลือ: ฮีโร่ตำแหน่ง Soft Support จะต้องเก่งในการช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีม
- สามารถทำดาเมจได้: ฮีโร่ตำแหน่ง Soft Support จะต้องสามารถทำดาเมจได้ เพื่อสามารถช่วยเหลือทีมในการต่อสู้
ตัวอย่างฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Soft Support ได้แก่
- Tusk: ฮีโร่ที่เก่งในการ Roaming และ เซฟเพื่อนจากสกิลต่างๆ และยังเป็นตัวเปิดของทีมได้ดีอีกด้วย
- Oracle: ฮีโร่ที่มีประโยชน์ต่อทีม และเก่งในการช่วยเหลือ
- Skywrath Mage: ฮีโร่ที่มีประโยชน์ต่อทีม และสามารถทำดาเมจได้
ผู้เล่นตำแหน่ง Soft Support จำเป็นต้องมีทักษะและความสามารถดังต่อไปนี้
- ทักษะการช่วยเหลือ: ผู้เล่นตำแหน่ง Soft Support จำเป็นต้องมีทักษะการช่วยเหลือที่ดี เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทักษะการอ่านเกม: ผู้เล่นตำแหน่ง Soft Support จำเป็นต้องมีทักษะการอ่านเกมที่ดี เพื่อสามารถตัดสินใจและวางแผนในการเล่นได้อย่างเหมาะสม
ตำแหน่งซัพพอร์ตรอง เป็นตำแหน่งที่สำคัญในทีม เนื่องจากมีหน้าที่ช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีม ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่งนี้ ต้องเก่ง Roaming, รู้ Timing คอยตัดรูน การอ่านเกมและการยืนเลนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวซัพพอร์ตหลัก (Hard Support)
ตำแหน่ง Hard Support คือตำแหน่งที่มีหน้าที่ช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีม โดยผู้เล่นตำแหน่งนี้จะได้รับทรัพยากรน้อยที่สุดในทีม ทั้งเงินและเลเวล ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการช่วยเหลือ และสามารถเล่นฮีโร่ที่มีประโยชน์ต่อทีม
หน้าที่หลักของตำแหน่ง Hard Support ประกอบด้วย
- ช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่น: ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support ต้องช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีม ไม่ว่าจะเป็นการยืนเลนกับ Carry, การช่วยเหลือ Mid ในการกดดันฝั่งตรงข้าม, การช่วยเหลือ Offlane ในการเอาตัวรอด, หรือการสนับสนุนทีมในการต่อสู้
- สร้าง Vision: ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support ต้องสร้าง Vision ให้กับทีม เพื่อไม่ให้ทีมตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
- ซื้อไอเท็มช่วยเหลือ: ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support ต้องซื้อไอเท็มช่วยเหลือให้กับทีม เช่น Ward, Dust, และ Smoke
ฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Hard Support โดยทั่วไป มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
- มีประโยชน์ต่อทีม: ฮีโร่ตำแหน่ง Hard Support จะต้องมีประโยชน์ต่อทีม ไม่ว่าจะเป็นการช่วยเหลือ, การยืนเลน, หรือการสร้าง Vision
- เก่งในการช่วยเหลือ: ฮีโร่ตำแหน่ง Hard Support จะต้องเก่งในการช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีม
- มีความยืดหยุ่น: ฮีโร่ตำแหน่ง Hard Support จะต้องมีความยืดหยุ่นในการเล่น เพื่อสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ได้
ตัวอย่างฮีโร่ที่เหมาะกับตำแหน่ง Hard Support ได้แก่
- Lion: ฮีโร่ที่มีประโยชน์ต่อทีม และเก่งในการช่วยเหลือ
- Witch Doctor: ฮีโร่ Meta ประจำ Patch 7.34c เลย มีสกิลครบเครื่องทั้งเป็นตัว Nuke, CC และตัว Heal ให้เพื่อน
- Oracle: ฮีโร่ที่มีความสามารถในการช่วยเหลือทีมสูง และสามารถช่วยเหลือในการต่อสู้ได้
ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support จำเป็นต้องมีทักษะและความสามารถดังต่อไปนี้
- ทักษะการช่วยเหลือ: ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support จำเป็นต้องมีทักษะการช่วยเหลือที่ดี เพื่อสามารถช่วยเหลือผู้เล่นตำแหน่งอื่นในทีมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ทักษะการอ่านเกม: ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support จำเป็นต้องมีทักษะการอ่านเกมที่ดี เพื่อสามารถตัดสินใจและวางแผนในการเล่นได้อย่างเหมาะสม
ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support ที่ดี จึงต้องมีทักษะและความสามารถที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทักษะการช่วยเหลือ ทักษะการอ่านเกม และทักษะการยืนเลน เพื่อสามารถเล่นตำแหน่ง Hard Support ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support ยังมีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือทีมในการต่อสู้ โดยผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support สามารถใช้ทักษะและความสามารถของตนในการช่วยเหลือทีมในการต่อสู้ เช่น การช่วยเหลือ Carry ในการฆ่าฮีโร่ฝ่ายตรงข้าม หรือการใช้สกิลในการเปิดจังหวะการต่อสู้ ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support ที่ดี จึงต้องมีทักษะการต่อสู้ที่ดี เพื่อสามารถช่วยเหลือทีมในการต่อสู้
ตำแหน่งซัพพอร์ตรองและซัพพอร์ตหลักต่างก็เป็นตำแหน่ง Support เหมือนกัน แต่มีความแตกต่างที่สำคัญ คือ
ตำแหน่งซัพพอร์ตหลัก
จะได้รับทรัพยากรน้อยที่สุด ทั้งเงินและเลเวล ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Hard Support จึงต้องเป็นคนที่เก่งในการช่วยเหลือ และสามารถเล่นฮีโร่ที่มีประโยชน์ต่อทีมโดยไม่ต้องพึ่งพาทรัพยากรมากนัก
ตำแหน่งซัพพอร์ตรอง
จะได้รับทรัพยากรมากกว่าตำแหน่ง Hard Support แต่น้อยกว่าตำแหน่งอื่นในทีม ดังนั้น ผู้เล่นตำแหน่ง Soft Support จึงสามารถซื้อไอเท็มที่มีประโยชน์ต่อทีมได้มากขึ้น และสามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ได้มากขึ้น
วิธีเล่นแบบ Dota 2 Ranked Roles
- เข้าสู่โหมดการเล่นจัดอันดับ
- เลือกบทบาทที่ต้องการเล่น
- รอให้การแข่งขันเริ่มขึ้น
- เล่นตามบทบาทที่เลือกไว้
ข้อดีของ Ranked Roles
- ผู้เล่นสามารถเล่นในตำแหน่งที่ถนัดได้มากที่สุด
- ลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้เล่นในการเลือกตำแหน่งที่ต้องการเล่น
- ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนานมากขึ้น
ข้อเสียของ Ranked Roles
- ผู้เล่นจะเสียคิวการค้นหาใน Ranked Roles หากเลือกเฉพาะตำแหน่ง Core (หากอยากได้แต้มคิวค้นหา ต้องเลือก ทั้ง 5 Role หากเลือกแค่ซัพพอร์ตหลักและซัพพอร์ตรอง จะสามารถเล่นได้โดยไม่ต้องเสียแต้ม)
- ผู้เล่นอาจต้องรอนานกว่าการเลือกเล่นแบบ Classic ยิ่งถ้าเลือกเฉพาะตำแหน่งที่เป็น Core อย่าง Carry กับ Mid
สรุป
Dota 2 Ranked Roles คือโหมดการเล่นจัดอันดับใน Dota 2 ที่ผู้เล่นจะต้องเลือกบทบาทที่ต้องการเล่นก่อนเริ่มการแข่งขัน ช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นเกมได้อย่างสนุกสนานมากขึ้นและลดความเครียดในการเลือกตำแหน่งที่ต้องการเล่น การแบ่งบทบาทใน Ranked Roles จะช่วยให้ผู้เล่นสามารถเล่นในตำแหน่งที่ถนัดได้มากที่สุด และลดปัญหาความขัดแย้งระหว่างผู้เล่นในการเลือกตำแหน่งที่ต้องการเล่น โดยผู้เล่นจะต้องเลือกบทบาทที่ต้องการเล่นก่อนเริ่มการแข่งขัน และเมื่อเลือกแล้ว ผู้เล่นจะไม่สามารถเปลี่ยนบทบาทได้ (หากเล่นไม่ตรงตำแหน่งที่เลือก อาจได้รับบทลงโทษได้ ถ้าโดนเพื่อนในทีม report)
MMR เริ่มต้นของคุณสำหรับแต่ละบทบาทจะคำนวณตามค่า Core / Support MMR ก่อนหน้าและการวิเคราะห์เกม 100 เกมที่ผ่านมาของคุณ คุณสามารถติดตามการปรับเปลี่ยนบทบาทปัจจุบันได้ในเมนู Role Queue สำหรับตารางอันดับแรงค์ สามารถอ่านได้ที่บทความนี้เลย :